วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554
การลงนามรับรอง
ขออภัยผู้ที่จะให้หัวหน้างานการเงินและบัญชี และผู้บังคับบัญชาลงนามในเอกสาร กู้เงิน ชพค. ธนาคารออมสิน สหกรณ์ วันที่ 27 -30 ตุลาคม 2554 เจ้าหน้าที่ไปราชการ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย โปรดหลีกเลี่ยงติดต่อขอหนังสือรับรองในวันถัดไป
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554
การส่งเอกสารเบิกจ่ายงบประมาณ ปี 2554
กลุ่มบริหารการเงินและสินทรัพย์ ขอประชาสัมพันธ์เรื่องการเบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการภายในประเทศ เบี้ยประชุมคณะกรรมการสถานศึกษา เงินต่าง ๆ งบดำเนินงาน ของปีงบประมาณ 2554 ว่าขณะนี้ได้สิ้นปีงบประมาณแล้ว สำหรับโรงเรียนที่ยังไม่ส่งไม่สามารถเบิกจ่ายได้เนื่องจากได้ปิดงบแล้ว
แจ้งข่าว กบข.
เรียน ท่านสมาชิ กบข.ที่เคารพ
หลายท่านคงได้ทราบข่าววิกฤติหนี้สินในยุโรป และวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกในขณะนี้แล้วว่าได้ส่งผลกระทบรุนแรงกับการลงทุนในทุกภมิภาค ตลาดหุ้นทั้งโลกที่เคยทำรายได้ให้กับนักลงทุนเกิดการปรับตัวลดลง ไม่ได้สร้างกำไรให้กับนักลงทุนมากเหมือนเช่น 2 - 3 ปี ก่อนหน้านี้ ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า ประเทศไทย นักลงทุน และ กบข.ต่างได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กบข. เอง ได้มีการคาดการณ์สถานการณ์ลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปีแล้วว่าภาวะการลงทุนปีนี้มีแนวโน้มผันผวนโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนสูงเหมือนปี 2552 และ 2553 คงเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุนี้ กบข. จึงได้มีการปรับลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และปรับเพิ่มสินทรัพย์มั่นคงสูง เช่น พันธบัตร มากขึ้น ส่งผลให้พอร์ตการลงทุน กบข.ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจน้อยลง แต่เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนส่วนใหญ่เป็นไปตามภาวะตลาดภายใต้สถานการร์ผันผวนเช่นนี้การจะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบเลยเป็นไปได้ยาก
ประเด็นที่ใคร่เรียนชี้แจงท่านสมาชิกเพิ่มเติมคือรายได้ของกองทุนในแต่ละปีมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจริงที่ได้มาอย่างสม่ำเสมอในจำนวนเงินใกล้เคียงกัน ตัวอย่างรายได้ประเภทนี้คือ เงินปันผล ค่าเช่าที่เก็บจากอาคารสำนักงาน ดอกเบี้ยรับจากพันธบัตร เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญทำให้มูลค่ากองทุนลดลงหรือเพิ่มขึ้น คือ สินทรัพย์ที่มีอยู่ในกองทุนและยังไม่ได้ขายออกไปแต่ต้องประเมินมูลค่าตามราคาตลาด (Mark to MarKet) ซึ่งมูลค่าราคาตลาดในแต่ละวันจะผันแปรไปตามภาวะการลงทุน อุปมาอุปไมยเหมือนทองที่ราคาปรับขึ้น-ลงได้รายวัน การผันผวนของราคาเช่นนี้ ถือเป็นการผันผวนในช่วยสั้น ๆ เท่านั้น ในระยะยาว สินทรัพย์เหล่านี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นตามวัฏจักรของเศษฐกิจและการลงทุน
ณ ถึงวันนี้ยังไม่มีใครจะบอกได้ว่าวิกฤตจินี้จะลุกลามไปอีกนานเท่าไร แม้ กบข. จะได้พยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาเงินต้นและผลประโยชน์ของท่านสมาชิก กบข.ให้ปลอดภัยอย่างเต็มกำลัง โดยการติดตามสถานการณ์ลงทุนอย่างใกล้ชิดเพิ่อปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตให้เหมาะสม กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า มูลค่าหน่วยลงทุน(NAU) อาจจะลดลงได้จากการประเมินราคาตามภาวะตลาดสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงลดลงคือจำนวนหน่วยลงทุนของท่านสมาชิก ซึ่งผลประโยชน์ที่ท่านสมาชิกจะได้รับนั้นจะเกิดจากการคูณจำนวนหน่วยลงทุนกับ NAU ณ วันที่ท่านแจ้งนำเงินออกจากกองทุน ซึ่งเป็นวันที่เกษียณหรือลาออกจากราชการนั่นเอง
กบข. จึงใคร่แนะนำท่านสมาชิกที่จะเกษียณปีนนี้หากยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ขอให้ออมต่อกับ กบข. ไว้ก่อน ซึ่งมีถึง 3 ทางเลือก ได้แก่ ออมต่อทั้งจำนวนหรือทยอยรับเป็นงวด ๆ หรือขอรับเงินบางส่วน รอจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลตอบแทนเริ่มปรับตัวดีขึ้น แล้วจึงนำเงินออกก็จะเป็นผลดีกับท่านสมาชิกมากกว่า สำหรับท่านสมาชิกที่ยังไม่เกษียณ ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะผลตอบแทนการลงทุนที่น้อยลงนั้นไม่ได้เป็นการขาดทุนที่แท้จริง เป็นเพียงการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่ต่ำลงในช่วงเวลาที่ภาวะตลาดที่ผันผวนสูง
อนึ่ง ใคร่ขอเรียนท่านสมาชิก กบข.ว่าการบริหารเงินออมของท่านสมาชิกเป็นการลงทุนระยะยาว เพื่อเป้าหมายสร้างผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ผลตอบแทนในแต่ละปีอาจมีความผันผวนตามภาวะตลาดปีนั้น ๆ ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (มี.ค.2540-ธ.ค.2553) กบข. สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 7.31%
สอบถามข้อมูลเรื่องออมต่อ โทร 1179 กด 6 หรือ http://www.gpf.or.th/
โกวิท หงษ์สูง สมาชิกเครือข่าย กบข. สพม.33
หลายท่านคงได้ทราบข่าววิกฤติหนี้สินในยุโรป และวิกฤติเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกในขณะนี้แล้วว่าได้ส่งผลกระทบรุนแรงกับการลงทุนในทุกภมิภาค ตลาดหุ้นทั้งโลกที่เคยทำรายได้ให้กับนักลงทุนเกิดการปรับตัวลดลง ไม่ได้สร้างกำไรให้กับนักลงทุนมากเหมือนเช่น 2 - 3 ปี ก่อนหน้านี้ ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่า ประเทศไทย นักลงทุน และ กบข.ต่างได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กบข. เอง ได้มีการคาดการณ์สถานการณ์ลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปีแล้วว่าภาวะการลงทุนปีนี้มีแนวโน้มผันผวนโอกาสสร้างผลตอบแทนการลงทุนสูงเหมือนปี 2552 และ 2553 คงเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุนี้ กบข. จึงได้มีการปรับลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น และปรับเพิ่มสินทรัพย์มั่นคงสูง เช่น พันธบัตร มากขึ้น ส่งผลให้พอร์ตการลงทุน กบข.ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจน้อยลง แต่เนื่องจากผลตอบแทนการลงทุนส่วนใหญ่เป็นไปตามภาวะตลาดภายใต้สถานการร์ผันผวนเช่นนี้การจะหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบเลยเป็นไปได้ยาก
ประเด็นที่ใคร่เรียนชี้แจงท่านสมาชิกเพิ่มเติมคือรายได้ของกองทุนในแต่ละปีมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นรายได้ที่เกิดขึ้นจริงที่ได้มาอย่างสม่ำเสมอในจำนวนเงินใกล้เคียงกัน ตัวอย่างรายได้ประเภทนี้คือ เงินปันผล ค่าเช่าที่เก็บจากอาคารสำนักงาน ดอกเบี้ยรับจากพันธบัตร เป็นต้น อีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญทำให้มูลค่ากองทุนลดลงหรือเพิ่มขึ้น คือ สินทรัพย์ที่มีอยู่ในกองทุนและยังไม่ได้ขายออกไปแต่ต้องประเมินมูลค่าตามราคาตลาด (Mark to MarKet) ซึ่งมูลค่าราคาตลาดในแต่ละวันจะผันแปรไปตามภาวะการลงทุน อุปมาอุปไมยเหมือนทองที่ราคาปรับขึ้น-ลงได้รายวัน การผันผวนของราคาเช่นนี้ ถือเป็นการผันผวนในช่วยสั้น ๆ เท่านั้น ในระยะยาว สินทรัพย์เหล่านี้จะมีมูลค่าสูงขึ้นตามวัฏจักรของเศษฐกิจและการลงทุน
ณ ถึงวันนี้ยังไม่มีใครจะบอกได้ว่าวิกฤตจินี้จะลุกลามไปอีกนานเท่าไร แม้ กบข. จะได้พยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาเงินต้นและผลประโยชน์ของท่านสมาชิก กบข.ให้ปลอดภัยอย่างเต็มกำลัง โดยการติดตามสถานการณ์ลงทุนอย่างใกล้ชิดเพิ่อปรับสัดส่วนสินทรัพย์ในพอร์ตให้เหมาะสม กระนั้นก็ต้องยอมรับว่า มูลค่าหน่วยลงทุน(NAU) อาจจะลดลงได้จากการประเมินราคาตามภาวะตลาดสิ่งที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงลดลงคือจำนวนหน่วยลงทุนของท่านสมาชิก ซึ่งผลประโยชน์ที่ท่านสมาชิกจะได้รับนั้นจะเกิดจากการคูณจำนวนหน่วยลงทุนกับ NAU ณ วันที่ท่านแจ้งนำเงินออกจากกองทุน ซึ่งเป็นวันที่เกษียณหรือลาออกจากราชการนั่นเอง
กบข. จึงใคร่แนะนำท่านสมาชิกที่จะเกษียณปีนนี้หากยังไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ขอให้ออมต่อกับ กบข. ไว้ก่อน ซึ่งมีถึง 3 ทางเลือก ได้แก่ ออมต่อทั้งจำนวนหรือทยอยรับเป็นงวด ๆ หรือขอรับเงินบางส่วน รอจังหวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ผลตอบแทนเริ่มปรับตัวดีขึ้น แล้วจึงนำเงินออกก็จะเป็นผลดีกับท่านสมาชิกมากกว่า สำหรับท่านสมาชิกที่ยังไม่เกษียณ ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะผลตอบแทนการลงทุนที่น้อยลงนั้นไม่ได้เป็นการขาดทุนที่แท้จริง เป็นเพียงการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่ต่ำลงในช่วงเวลาที่ภาวะตลาดที่ผันผวนสูง
อนึ่ง ใคร่ขอเรียนท่านสมาชิก กบข.ว่าการบริหารเงินออมของท่านสมาชิกเป็นการลงทุนระยะยาว เพื่อเป้าหมายสร้างผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อภายใต้ระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม ผลตอบแทนในแต่ละปีอาจมีความผันผวนตามภาวะตลาดปีนั้น ๆ ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (มี.ค.2540-ธ.ค.2553) กบข. สร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีที่ 7.31%
สอบถามข้อมูลเรื่องออมต่อ โทร 1179 กด 6 หรือ http://www.gpf.or.th/
โกวิท หงษ์สูง สมาชิกเครือข่าย กบข. สพม.33
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)